รัฐบาลโปรตุเกสมั่นใจสิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินได้ตามกำหนดกลางปีนี้

รัฐบาลโปรตุเกสมั่นใจสิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินได้ตามกำหนดกลางปีนี้

วันที่นำเข้าข้อมูล 16 ม.ค. 2557

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 4,843 view

เมื่อ 15 ม.ค. 57 นาย Bruno Maçães, Secretary of State for European Affairs ของโปรตุเกสให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ CNBC แสดงความมั่นใจว่า โปรตุเกสจะสามารถสิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก Troika (EU / ECB / IMF) มูลค่า 78,000 ล้านยูโร ได้ตามกำหนดในวันที่ 17 พ.ค. 57 อย่างไรก็ตาม นาย Maçães ยังไม่สามารถระบุเงื่อนไขของการสิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน เนื่องจากต้องประเมินแนวโน้มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของปีนี้ และแนวโน้มของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจว่ามีความยั่งยืนเพียงใด

นาย Maçães กล่าวเพิ่มเติมว่าโปรตุเกสปฏิบัติในสิ่งที่จำเป็นตามเงื่อนไขการขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน อันทำให้ประชาชนโปรตุเกสต้องประสบกับความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม โปรตุเกสได้ปฏิรูประบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจได้เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยปัจจุบันเศรษฐกิจโปรตุเกสพึ่งพิงการส่งออกมากขึ้น คิดเป็น 42% ของ GDP เทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับ 28% เท่านั้น ทั้งนี้ โปรตุเกสยังให้ความสำคัญกับการลดอัตราการว่างงาน ซึ่งเท่ากับ 15.5% ในเดือน พ.ย. 56 รวมทั้งการว่างงานของกลุ่มเยาวชน ซึ่งเท่ากับ 36.8% ในเดือน พ.ย. 56

นาย Paulo Portas รองนายกรัฐมนตรีโปรตุเกส กล่าวในการประชุมเอกอัครราชทูตโปรตุเกสประจำประเทศต่างๆ เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค. 57 ที่กรุงลิสบอน ว่า โปรตุเกส “สามารถและต้อง” สิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินฯ ได้ตามกำหนดในเดือน พ.ค. 57 อันเป็นแนวทางเดียวกับไอร์แลนด์ที่สิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินฯ เมื่อ 15 ธ.ค. 56 ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของนาย Othmar Karas รองประธานรัฐสภายุโรป ซึ่งกล่าวในโอกาสการเยือนโปรตุเกสในช่วงต้นเดือน ม.ค. 57 ว่า โปรตุเกสสามารถสิ้นสุดการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินฯ ได้ตามกำหนด

เศรษฐกิจโปรตุเกสเริ่มมีสัญญาณของความพร้อมในการกู้ยืมเงินผ่านตลาดพันธบัตรระหว่างประเทศอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 57 โปรตุเกสได้ขายพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี มูลค่า 3,250 ล้านยูโร และเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 57 ได้ขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือน และ 12 เดือน มูลค่า 240 ล้านยูโร และ 1,010 ล้านยูโร ตามลำดับ และมีความต้องการซื้อตั๋วเงินคลังมากกว่าจำนวนตั๋วเงินคลังที่ขาย 4.71 เท่า และ 2.26 เท่า ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากนักลงทุนต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศยุโรปอื่นที่มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกว่า ตลอดจนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโปรตุเกสมากขึ้น ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราผลตอนแทน (yield) ของตราสารหนี้ภาครัฐของโปรตุเกสที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงจาก 6% ในวันทำการแรกของปีนี้ เหลือ 5.4% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 56 ส่วนอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังอายุ 12 เดือน ลดลงจาก 1.493% ในเดือน พ.ย. 56 เหลือเพียง 0.869% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 52 และอัตราผลตอบแทนตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือน ลดลงจาก 1.076% ในเดือน พ.ย. 56 เหลือเพียง 0.495% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 53 

ทั้งนี้ นาย Joao Moreira Rato ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะของโปรตุเกสให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า พึงพอใจกับการขายตั๋วเงินคลังดังกล่าว ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน

Photo credit : sicnoticias.sapo.pt