ศาลรัฐธรรมนูญโปรตุเกสมีคำวินิจฉัยต่อ พรบ. งบประมาณ ปี 2013

ศาลรัฐธรรมนูญโปรตุเกสมีคำวินิจฉัยต่อ พรบ. งบประมาณ ปี 2013

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 เม.ย. 2556

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 2,961 view

รายงานโดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน เมื่อ 9 เม.ย. 56

 

 

1. เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เม.ย. 2013 ศาล รธน. โปรตุเกสอ่านคำวินิจฉัย กรณี ปธน. โปรตุเกส      ส่งเรื่อง พรบ. งปม. 2013 ให้ศาลตีความในประเด็นความสอดคล้องกับ รธน.โปรตุเกส ของมาตรการทางการคลังต่างๆ ภายใต้ Austerity Measures ว่า มาตรการฯ จำนวน 4 ข้อจาก 9 ข้อ ขัดต่อ รธน. ตามหลักเลือก ประติบัติ ซึ่งเฉพาะ พนง. หน่วยงานรัฐและผู้รับบำนาญ ซึ่งถูกตัดโบนัส 1 เดือน (คนโปรตุเกสได้รับเงินเดือน 12 เดือน พร้อมโบนัสอีก 2 เดือน ได้แก่ โบนัสวันพักร้อนและโบนัสคริสต์มาส) ทั้งนี้ มาตรการฯ  4 ข้อดังกล่าวประกอบด้วย

                                                - การตัดโบนัสวันพักร้อนของ พนง. หน่วยงานรัฐ

                                                - การตัดโบนัสวันพักร้อนของผู้รับบำนาญ

                                                - การเก็บภาษีคนว่างงานและสิทธิประโยชน์จากการรักษาพยาบาล

                                                - การลดเงินเดือนครู ผู้ได้รับทุนการศึกษา และนักวิจัย

ทั้งนี้ นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์โปรตุเกสระบุว่า มาตรการฯ ที่ถูกศาล รธน. วินิจฉัยว่าขัด รธน. คิดเป็นมูลค่าประมาณ 900 – 1,400 ล้านยูโร หรือ 20% ของ งปม. ปี 2013 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านยูโร

2. หลังจากรับทราบคำวินิจฉัยของศาล รธน. นรม. Pedro Passos Coelho ได้เรียกประชุม ครม. เป็นกรณีพิเศษในวันเสาร์ที่ 6 เม.ย. เพื่อหารือแนวทางบริหารจัดการ พรบ. งปม. และได้ขอเข้าพบ ปธน. Cavaco Siva เพื่อขอรับคำแนะนำและการสนับสนุน ซึ่ง ปธน. Cavaco Silva ยืนยันให้การสนับสนุนรัฐบาล นรม. Coelho

3. ต่อมา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. นรม. Coelho แถลงทางสถานีโทรทัศน์ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล รธน. แต่วิจารณ์คำวินิจฉัยฯ ว่าทำให้โปรตุเกสตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากในการปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก Troika ทั้งนี้ นรม. Coelho ได้สั่งการ รมว. กระทรวงต่างๆ ปรับลดรายจ่ายภาครัฐ โดย งปม. ด้านการศึกษา สาธารณสุขและสวัสดิการสังคมจะถูกปรับลดลงอย่างมาก โดยรัฐบาลจะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี ซึ่งถูกปรับขึ้นมากแล้วในช่วงต้นปี 2013 รวมทั้งจะไม่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติมจาก Troika เป็นครั้งที่สอง นอกจากนี้ นรม. Coelho ระบุว่าจะพิจารณาเงื่อนไขด้านเวลาของการกลับคืนสู่ตลาดพันธบัตรระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในเดือน เม.ย. 2013

4. นาย Antonio Jose Seguro ผู้นำพรรคสังคมนิยม (PS) ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ นรม. Coelho ลาออกและจัดการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากล้มเหลวในการบริหารจัดการประเทศ  และได้ยื่นเรื่องซักฟอกต่อรัฐสภาเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 3 เม.ย. รัฐบาลของนาย Coelho ได้รับความไว้วางใจจากรัฐสภาผ่านมติซักฟอกไปได้

5. รัฐบาลโปรตุเกสเผชิญความเสี่ยงในการบริหาร งปม. ให้บรรลุตามเงื่อนไขการขอรับความช่วยเหลือทางการเงินที่ตกลงไว้กับ Troika ซึ่งได้ผ่อนคลายเงื่อนไขให้แก่โปรตุเกสมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2012 เนื่องจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการขาดดุล งปม. โดยรัฐบาลโปรตุเกสต้องลดการขาดดุล งปม. ในปี 2013 ให้เหลือ 5.5% จากระดับ 6.4% เมื่อปี 2012 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์และสื่อมวลชนในโปรตุเกสคาดว่า หากรัฐบาลไม่สามารถปรับลด งปม. ในปีนี้โปรตุเกสอาจขาดดุล งปม.เท่ากับ 6.3%

6.  เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย. คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์โปรตุเกส เรียกร้องให้โปรตุเกสยึดมั่นกับการปฏิบัติตามเงื่อนไข การขอรับความช่วยเหลือทางการเงินฯ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการขอยืดระยะเวลาการรับความช่วยเหลือฯ อันจะช่วยให้โปรตุเกสกลับคืนสู่ตลาดเงินและบรรลุเป้าหมายการขอรับความช่วยเหลือฯ ทั้งนี้ การเจรจาขอผ่อนคลายเงื่อนไขหรือการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอรับความช่วยเหลือจะลดความเชื่อมั่น ของนักลงทุนต่างชาติและสร้างความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ สื่อมวลชนท้องถิ่นประเมินว่า คำวินิจฉัยของศาล รธน. อาจส่งผลให้คณะผู้ประเมินของ Troika ชะลอการพิจารณาอนุมัติเงินช่วยเหลือโปรตุเกส งวดที่ 7

 

Photo courtesy of AFP and the Guardian